"หน้าต่าง" เปรียบเสมือนดวงตาของบ้าน ทำให้เรามองเห็นทัศนียภาพที่อยู่ภายนอกตัวอาคาร แถมช่วยสร้างบรรยากาศให้รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยได้เช่นกัน แต่ในแง่ของวิทยาศาสตร์ การออกแบบหน้าต่างที่ดีจะต้องให้แสงสว่างอย่างพอดีและมีลมไหลผ่านสะดวก ซึ่งศาสตร์ฮวงจุ้ยหน้าต่าง ก็ได้คำนึงถึงหลักการออกแบบเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของผู้อยู่อาศัย เช่น ความสว่างของบ้าน ลมที่ไหลผ่านเข้าบ้าน แต่สิ่งที่เพิ่มมา คือ การสร้างพลังงานบวกอย่างไม่จบสิ้น เพื่อไม่ให้พลังลบมาทำลายล้างพลังงานดีภายในบ้าน จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยครับ
รูปทรงหน้าต่างเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อพลังงานดีเข้าสู่บ้าน โดยรูปทรงหน้าต่างที่ดีที่สุดในหลักฮวงจุ้ย คือ หน้าต่างทรงโค้งแปดเหลี่ยม ส่วนหน้าต่างทรงอื่นๆ ก็ไม่ต้องน้อยใจไปครับ เพียงแค่เราพยายามรักษาวัสดุของหน้าต่างไม่ให้แตกร้าว ก็ช่วยป้องกันไม่ให้พลังงานลบเข้าสู่บ้านได้
แต่ควรมีขนาดใหญ่พอที่จะปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามาภายในบ้าน เพื่อป้องกันพลังงานลบที่มาจากภายนอก แถมช่วยป้องกันความรู้สึกเหนื่อยล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด อีกทั้งป้องกันพลังงานลบที่จะมารบกวนเด็กๆ ซึ่งจะทำให้เด็กสมาธิสั้น หรือร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ
การมีหน้าต่างมากเกินไปก็บ่งบอกถึงฮวงจุ้ยที่ไม่ดี แทนที่จะทำให้เราได้รับพลังงานดี กลับทำให้บ้านได้รับพลังงานลบแทน ซึ่งส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึกอัดอัด สร้างความหงุดหงิด รำคาญใจแก่ผู้พักอาศัย เนื่องจากแสงสว่างจ้ามากเกินไป ซึ่งหน้าต่างที่เหมาะสม ควรมี 3 บาน/1 ห้อง
ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะทำให้คนในบ้านมีปากเสียงกันบ่อย จนอาจถึงขั้นหย่าร้างได้เลย อีกทั้งตามความเชื่อของคนไทยโบราณ ยังเชื่อว่าเป็นสิ่งอัปมงคล เพราะหน้าต่าง 4 บานใน 1 ช่วงเสา จะตกอยู่ในธาตุไฟ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นศาลาสวดศพ นั่นเอง
ทางฮวงจุ้ยถือว่าไม่ดี เนื่องจากพลังงานดีจะเดินทางเข้าสู่ประตูและมุ่งตรงสู่หน้าต่าง ส่งผลให้พลังงานดีไม่มีโอกาสได้ไหลเวียนภายในบ้านได้เลย วิธีแก้ไขคือ การปิดหน้าต่างด้วยผ้าม่านหนาๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานดีไหลออกจากบ้าน
จะเห็นว่า 5 วิธี การวางหน้าต่างให้ถูกหลักฮวงจุ้ย มีบทบาทสำคัญต่อพลังงานดีและไม่ดีที่เข้ามาสู่บ้าน ใครอยากเสริมพลังงานดีให้บ้าน ก็ลองนำไปปรับใช้ควบคู่กับการทำความสะอาดหน้าต่างให้สะอาดอยู่เสมอ จะช่วยให้ภายในบ้านมีแต่พลังงานดีๆ ในทุกวัน